วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Sakamoto Ryoma (6)

ขอเล่าถึงประวัติของชิราอิชิ โชอิจิโร่ ผู้เป็นนายทุนให้แก่เหล่าผู้รักชาติ
ชิราอิชิ โชอิจิโร่เกิดปี 1812 เป็นบุตรคนโตในตระกูลพ่อค้าสัมปทานสุราในชิโมะโนะเสะกิ ซึ่งเจริญในด้านการค้าทางเรือ เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองท่าสำคัญในเส้นทางเดินเรือสายเหนือ
ในวัยเด็ก บ้านเดิมของเขาที่ชิโมะโนะเสะกิถูกไฟไหม้วอดทั้งหลังพร้อมกับบ้านเรือนอีก 300 หลัง ประวัติของเขาและครอบครัวนี้จึงถูกเผาไปกับเพลิงไหม้ ส่วนตัวเขาได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติ
ชีวิตส่วนตัวของเขานั้น ได้แต่งงานกับคาสึโกะ มีบุตรชาย 1 คนและบุตรสาว 3 คน
ในช่วงปีศักราชบุนเซย์ การคลังของแคว้นโจชูมีปัญหาจนต้องรัดเข็มขัด กลับกัน ที่ชิโมะโนะเสะกิได้จัดตั้งองค์การการค้าส่งทางเรือ ตลอดจนถึงมีกิจการธนาคารมากมาย ทำให้เมืองมีรายได้เข้าบัญชีสำหรับจัดซื้ออาวุธในการทำศึกกับรัฐบาลโชกุน ซึ่งโชอิจิโร่ที่ต่อมาได้สืบกิจการต่อจากบิดาก็ได้เงินมากมายจากการเป็นเจ้าของกิจการค้าส่งทางเรือ
ในด้านการศึกษานั้น เขาสนใจวิชาญี่ปุ่นศึกษา ซึ่งเป็นวิชาที่ดึง "ความเป็นญี่ปุ่น" ออกมาโดยศึกษาจากคัมภีร์โบราณของญี่ปุ่นเอง จึงได้ไปร่ำเรียนกับอาจารย์ผู้สอนวิชาญี่ปุ่นศึกษาหลายท่าน กลายเป็นผู้รักชาติที่คิดไปไกลกว่า "ซนโนโจอิ" เสียอีก นอกจากนี้โชอิจิโร่มีผลงานหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับบันทึกการเข้ามาเยือนของผู้รักชาติที่บ้านของเขา
โชอิจิโร่เคยติดต่อกับแคว้นซัทสึมะโดยขอให้ไซโก ทาคาโมริ ซามูไรแห่งแคว้นซัทสึมะช่วยเจรจาในการสัมปทานค้าขายกับทางแคว้น แต่ไม่เป็นผล แต่ก็ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโจชูกับซัทสึมะในเบื้องต้น
ในด้านความสัมพันธ์กับเหล่าผู้รักชาตินั้น ถือว่าเขาเป็นบุคคลที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการให้แหล่งพักพิงและทุนสำหรับดำเนินการให้แก่พวกเขา เขาจะรับฟังข่าวสารจากเหล่าผู้รักชาติอยู่เสมอ ทำให้สนิทกันมาก โดยเขาจะให้เงินทองแบบไม่เสียดาย เพราะรู้ว่า บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงญี่ปุ่น แม้ว่าต่อมาเขาจะออกมาเบื้องหน้าน้อยลงจนหันไปทำงานเบื้องหลังแทน
เมื่อยุคเมจิมาถึง โชอิจิโร่หันไปทำงานด้านชินโต และได้เป็นหัวหน้าศาลเจ้าอาคามะ (อยู่ในชิโมะโนะเสะกิ จ.ยามากุจิ) ตลอดชีวิตของเขา (ถึงแก่กรรมปี 1880)

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Sakamoto Ryoma (5)

(ต่อจากคอลัมน์ที่แล้ว)
หลังจากที่เรียวมะได้ค้างคืนที่บ้านของโทมิยะ คิมเบ้ ก็ได้เดินทางไปที่ชิโมะโนะเสะกิในวันถัดมา โดยต้องฝ่าทะเลที่แปรปรวนในทะเลเสะโตะไนไค แต่ในขณะเดียวกัน ชิมะสึ ฮิสะมิทสึ บิดาของเจ้าแคว้นซัทสึมะกำลังนำกองทัพไปที่พระนครเกียวโต เมื่อกลุ่มซนโนโจอิทราบเข้าก็เข้าใจว่าจะยกทัพไปโค่นล้มรัฐบาล จึงนัดแนะกันไปที่พระนคร ซึ่งจะเป็นระเบิดเวลาให้เกิดการสู้รบอันเลื่องลือในเวลาต่อมา
และในที่สุด เรียวมะก็มาถึงที่มิตะจิริในแคว้นโจชู โดยเขาจะไปสถานที่ชุมนุมของเหล่าผู้รักชาตินามว่า "โชเค็งคาคุ" ซึ่งอยู่หัวมุมถัดจากร้านน้ำชามิตะจิริ
จากนั้น เรียวมะได้เดินทางไปที่บ้านของชิราอิชิ โชอิจิโร่ ซึ่งเป็นพ่อค้ารายใหญ่แห่งชิโมะโนะเสะกิ
ระหว่างนี้ เหล่าผู้รักชาติจำนวนมากต่างก็เคลื่อนไหวทางการเมือง

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Sakamoto Ryoma (4)

ตอนนี้จะขอพูดถึงการผจญภัยของเรียวมะครับ

วันที่ 24 เดือน 3 ปีบุนคิวที่ 2 เรียวมะและซาวะมูระ โซโนะโจ เพื่อนซามูไร หนีออกจากโคจิ ขณะเดียวกัน กอมเปย์ พี่ชายของเรียวมะได้แจ้งความว่าเรียวมะหายไป
วันที่ 25 เดือน 3 ถึงที่บ้านนาสึ
วันที่ 26 ทั้งคู่เดินทางต่อไปโดยเลี่ยงด่านตรวจที่ยูสึฮาระ ซึ่งเข้มงวดมาก จากนั้นขึ้นเหนือเลียบแม่น้ำชิมันโตะ ก่อนจะถึงชายแดนจังหวัดเทือกเขานิระกะโต
ต่อมา พวกเขาต้องผ่านเทือกเขาต่างๆในภูเขาชิโกะคุ ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงตาย แต่ก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการคมนาคม
วันที่ 27 มาถึงที่แม่น้ำโอดะงาวะ ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำฮิจิคาวะในจังหวัดอิโยะ (จังหวัดเอฮิเมะในปัจจุบัน อยู่ที่เกาะชิโกะคุ อยู่เหนือจังหวัดโคจิ) ก่อนจะเข้าตัวแคว้นโอสึในจังหวัดดังกล่าว ซึ่งเจ้าแคว้นของที่นี่ก็มีอุดมการณ์ซนโนโจอิเช่นกัน เรียวมะจึงใช้แคว้นนี้เป็นทางผ่าน ก่อนจะล่องแม่น้ำฮิจิคาวะไปที่ท่าเรือนางาฮามะ และไปค้างคืนที่บ้านของโทมิยะ คิมเบ้ พ่อค้าที่สนับสนุนแนวคิดจักรพรรดินิยม

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Sakamoto Ryoma (3)

กลับมาเล่าเรียวมะกันต่อครับ
ก่อนหน้านั้น เรียวมะได้รับมอบหมายจากทาเคจิ ฮัมเปตะ แกนนำพรรคโทสะคินโนโตให้ไปส่งจดหมายให้ซามูไรแคว้นโจชูที่ชื่อว่า คุซากะ เก็นซุย ซึ่งการพบกันครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเรียวมะหลังจากที่พูดคุยกับเก็นซุยกับซามูไรจากแคว้นซัทสึมะอีกสองคน

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/8/85/Genzui_Kusaka.jpg

คุซากะ เก็นซุยผู้นี้ เกิดที่แคว้นโจชู เป็นลูกของหมอประจำแคว้น ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเมย์รินคังของแคว้น แต่ต้องเสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่อายุ 15 ปี ต่อมาได้ออกทัศนศึกษาทั่วคิวชูและได้พบกับคนเก่งๆมากมาย
เมื่อทัศนศึกษาเสร็จ เขาได้เป็นศิษย์เอกของโรงเรียนโชกะซนจุขุของโยชิดะ โชอิน ผู้มีแนวคิดซนโนโจอิ ได้รับอนุญาตให้ไปทัศนศึกษาที่เอโดะ เมื่อโชอินถูกสำเร็จโทษในเหตุการณ์ "มหานรกอันเซย์" เขาจึงได้ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่แทน พร้อมกับทำงานการเมืองไปด้วย
เคยลอบวางเพลิงสถานทูตอังกฤษที่ชินางาวะ และเคยร่วมทัพยิงปืนใหญ่ใส่เรือฝรั่งที่จอดที่ชิโมะโนะเสะกิ ก่อนจะถูกขับออกจากพระนครเกียวโตจากเหตุรัฐประหาร 18 เดือน 8 ปีบุนคิวที่ 3 (1863) แล้วกลับไปที่พระนครอีกครั้ง สุดท้ายพยายามเกลี้ยกล่อมซามูไรโจชูสายเหยี่ยวให้แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่ไม่สำเร็จ จึงจำต้องสู้ศึกในเหตุสู้รบหน้าประตูฮามะกุริมงเมื่อวันที่ 18 เดือน 7 ปีเก็นจิที่ 1 (1864) ก่อนจะพ่ายศึกจนต้องคว้านท้องตัวเองในวันถัดมาด้วยวัยเพียง 25 ปี

หมายเหตุ: ภาพถ่ายคุซากะ เก็นซุยเป็นสมบัติสาธารณะ


วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

Sakamoto Ryoma (2)

(ต่อจากโพสต์ที่แล้ว)

ในการหนีของเรียวมะนี้มีจุดหมายที่แคว้นโจชู (จ.ยามากุจิในปัจจุบัน) โดยมีซาวะมูระ โซโนะโจ เพื่อนซามูไรร่วมแคว้นของเขาเดินทางไปด้วย เนื่องจากที่โจชูเป็นแหล่งของเหล่าผู้มีอุดมการณ์หรือชิฉิรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็นกัน ซึ่งมีนักธุรกิจหลายคนให้การสนับสนุน
ย้อนกลับมาที่การเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มซนโนโจอิกับรัฐบาลบะคุฟุที่เริ่มเข้าขั้นแตกหัก เริ่มจากรัฐบาลบะคุฟุได้ทำสัญญากับอเมริกาที่ไม่เป็นธรรม ต่อมาก็เสนอนโยบายราชสำนัก-รัฐบาลสามัคคี ซึ่งเป็นนโยบายให้ราชสำนักกับรัฐบาลร่วมกันบริหารประเทศ เป็นนโยบายที่เหมาะสมดีสำหรับเวลานี้ แคว้นโจชูที่สนับสนุนนโยบายซนโนโจอิกลับไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุว่าเป็นการพยายามยื้ออำนาจไว้และเป็นการหมิ่นเบื้องสูง ทำให้ไทโร (มนตรีสูงสุดของรัฐบาล) อิอิ นาโอสึเกะ กวาดล้างผู้ที่ไม่เห็นด้วย เรียกว่า "มหานรกอันเซย์" ซึ่งเรียกตามศักราชอันเซย์ ก่อนที่เขาจะถูกโรนินจากแคว้นมิโตะรุมสังหาร (เรียกว่า คดีฆาตกรรมหน้าประตูซากุระดะมง)


Sakuradamon incident 1860 silk.jpg

"Sakuradamon incident 1860 silk" by Anonymous Japanese 1860 - "Saigo Takamori and Okubo Toshimichi" p.28. Licensed under Public domain via Wikimedia Commons.

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Sakamoto Ryoma (1)

คุณผู้อ่านอาจจะพอทราบว่าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเคยนำละครย้อนยุคของ NHK ของญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรียวมะมาฉาย ซึ่งตอนนี้ผมกำลังแปลหนังสือภาษาญี่ปุ่นเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขาอยู่ เขาคนนี้แหละครับเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น



ซาคาโมโตะ เรียวมะเกิดวันที่ 1 เดือน 11 (ตอนนั้นญี่ปุ่นยังใช้ปฏิทินจันทรคติ) ปีเท็มโปที่ 6 (ค.ศ. 1835) เป็นบุตรของซามูไรชั้นโกฉิแห่งแคว้นโคจิ (จ.โคจิในปัจจุบัน) พ่อของเขาเป็นคนเก่งทั้งบุ๋นบู๊ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล
แต่ว่าชีวิตในวัยเด็กของเรียวมะค่อนข้างจะรันทด เขาต้องเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก มักจะถูกรังแกจนพี่สาวของเขาต้องคอยปกป้อง และเรียวมะเองก็ได้เรียนวิชาต่างๆจากพี่สาว ซึ่งส่งผลต่อความคิดของเขาด้วย
ในเรื่องวิชาดาบ เขาขยันฝึกซ้อมและเรียนรู้จนได้ประกาศนียบััตรจากโรงเรียนฝึกดาบฮิเนะโนะ เบ็นจิที่อยู่ใกล้บ้านตั้งแต่อายุ 14 ปี ตลอดจนถึงใบประสาทวิชายิวยิตสูเต็มขั้น ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรขั้นสูง จากโรงเรียนจิบะ ซาดาโยชิที่เอโดะ
ส่วนงานราชการทหารนั้น เขาเคยไปลาดตระเวนชายฝั่งดูเรือต่างชาติ 2 ครั้ง
เมื่อเรียนดาบเสร็จและกลับมาที่โทสะ เรียวมะก็เริ่มงานการเมืองด้วยการเข้าพรรคโทสะคินโนโต ซึ่งชูนโยบาย "ซนโนโจอิ (เทิดทูนจักรพรรดิ อัดไล่คนเถื่อน)" ซึ่งนโยบายนี้มีมาตั้งแต่ที่เรือดำของเพอร์รี่จากอเมริกาเดินทางมาบังคับให้รัฐบาลบะคุฟุ (รัฐบาลกลาง) เปิดประเทศพร้อมกับทำสนธิสัญญา พรรคนี้นำโดยทาเคจิ ฮัมเปย์ตะ ผู้เทิดทูนพระจักรพรรดิ แต่เรียวมะไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่ใช้ความรุนแรงของฮัมเปย์ตะ วันที่ 24 เดือน 3 ปีบุนคิวที่ 3 (1863) จึงตัดสินใจหนีออกจากแคว้นโดยไม่ได้รับอนุญาต กลายเป็นโรนิน (ซามูไรพเนจร)

(ต่อโพสต์หน้าครับ)

หมายเหตุ: ภาพนี้เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล็อก

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Ohayo!

Ohayo Gozaimasu! สวัสดีครับ นี่คือบล็อกใหม่ของผมครับ เป็นบล็อกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นครับ ซึ่งนอกจากผมจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์แล้ว ผมจะเล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยด้วย
Korekara Onegaishimasu จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ